8 พฤษภาคม 2023
หลายพื้นที่ทั่วประเทศ เตรียมรับมือฝน และฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น ตั้งแต่วันที่ 8-13 พ.ค. 2566 โดยเฉพาะประเทศไทยตอนบน ที่เตรียมเผชิญพายุฤดูร้อน ถือเป็นสภาพอากาศที่จะแปรปรวนต่อ หลังทั่วไทยร้อนจัด โดยวัดอุณหภูมิสูงสุดได้ถึง 44.1 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 7 พ.ค.
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ซึ่งจะส่งผลกระทบระหว่างวันที่ 8-10 พ.ค. ส่งผลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง
“ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะ และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง” กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุ
สำหรับจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ แบ่งเป็นภาคต่าง ๆ ดังนี้
วันที่ 8 พ.ค. 2566
- ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยจะมีอากาศร้อน ฟ้าหลัว และอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 37-42 องศาเซลเซียส
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยจะมีอากาศร้อน ฟ้าหลัว พายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส
- ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม
- ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด โดยจะมีอากาศร้อนทั่วไป และฟ้าหลัวในตอนกลางวัน พายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ มีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส
- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล: อากาศร้อน ฟ้าหลัวตอนกลางวัน มีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ พายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ มีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส
วันที่ 9 พ.ค. 2566
สำหรับจังหวัดที่จะได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน มี ดังนี้
- ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์
- ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
- ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
วันที่ 10 พ.ค. 2566
สำหรับจังหวัดที่จะได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน มี ดังนี้
- ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ
- และอุบลราชธานี
- ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
- ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
จากร้อนจัดถึง เฝ้าระวังพายุฤดูร้อน
วันเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อ 7 พ.ค. หลายพื้นที่ทั่วไทยเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด รวมถึงพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งตรวจวัดได้สูงสุดถึง 41 องศาเซลเซียส (ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย) และตรวจวัดอุณหภูมิสูงสุดได้ที่ อ. เมือง จ. อุดรธานี สูงถึง 44.1 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 8-13 พ.ค. ประเทศไทยจะมีฝนตกมากขึ้น เป็นผลจากความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้แล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันนี้ (8 พ.ค.) ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน
“มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมทางภาคอีสานตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นและร้อน ทำให้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น” กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.
เฝ้าระวังพายุหมุนเขตร้อน
ช่วงวันที่ 8 - 14 พ.ค. 66 หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุหมุนเขตร้อน คาดว่าจะเคลื่อนผ่านอ่าวเบงกอลตอนกลาง และทะเลอันดามันตอนบน หลังจากนั้นจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเมียนมา ส่งผลทำให้ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น
“ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 11-14 พ.ค. ประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง” กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุ
คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
ncG1vNJzZmivp6x7o67CZ5qopV%2BptaK1jpqpraGTobK0e8Kkm7Jqomy5uryXqA%3D%3D